สวัสดีครับเพื่อนๆ พี่ๆทุกคน บอกตามตรงว่าสถานการณ์น้ำท่วมตอนนี้น่าหวาดกลัวมากๆ
ดังนั้นวันนี้จึงขอเขียนบทความเกี่ยวกับ "การป้องกันน้ำท่วม" หน่อยดีกว่า .... พวกคุณ รู้มั้ยครับว่าประเทศไหนเค้ามีระบบการจัดการป้องกันน้ำท่วมที่ดีที่สุดในโลก ลองทายซิ ????????
คำตอบที่ถูกต้องก็คือ "เนเธอร์แลนด์" ดินแดนกังหันลมนั่นเองครับ เพราะที่นั่นเค้าได้สร้างเขื่อนขึ้นมาจำนวนมากเพื่อป้องกันน้ำทะเลไหลเข้าผืนดิน ถ้าใครอยากรู้ว่ามีที่ไปที่มายังไง วันนี้ผมขออาสาอธิบายให้ฟัง รับรองว่าอ่านเข้าใจง่าย ไม่ยากและไม่งงแน่นอน ! :D
ประเทศเนเธอร์แลนด์ (Netherland) ชื่อประเทศมีรากศัพท์มาจากคำว่า"Neder" แปลว่า "ต่ำ" แน่นอนว่า แค่ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าพื้นที่ของประเทศบางส่วนอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล นั่นหมายถึงมีโอกาสน้ำท่วมสูงนั่นเองครับ ! ซึ่งพื้นที่ส่วนที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าอยู่สูงมากนะครับ เพราะส่วนมากก็อยู่เหนือระดับน้ำทะเลแค่ 1 เมตรเท่านั้น ก็มีโอกาสถูกน้ำท่วมเช่นกัน .... สรุปคือ ประเทศนี้เสี่ยงต่อการถูกน้ำท่วมมากๆ ถึงมากที่สุด
จากแผนที่ด้านบน พื้นที่สีเนื้อคือประเทศเนเธอร์แลนด์ทั้งหมด ให้ทุกคน สังเกตแม่น้ำ 3 สายดังนี้ครับ (ทำเครื่องหมายขีดเหลืองๆ ไว้)
- แม่น้ำ Rhine เป็นแม่น้ำที่ยาวและสำคัญที่สุดในทวีปยุโรป มีต้นน้ำจากเทือกแขาแอลป์ ไหลผ่านประเทศต่างๆ และไปสิ้นสุดที่ด้านตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศเนเธอร์แลนด์และไหลลงทะเลเหนือหรือ North Sea หรือสีฟ้าๆ ในภาพนั่นแหละครับ
- แม่น้ำ Maas หรือ Meuse เป็นแม่น้ำสายหลักสายหนึ่งของยุโรป มีจุดกำเนิดในฝรั่งเศส ไหลผ่านเบลเยี่ยม และมาที่่ด้านตะวันตกเฉียงใต้ของเนเธอร์แลนด์ และสุดท้ายไหลลงสู่ทะเลเหนือเช่นเดียวกัน
- แม่น้ำ Scheldt มีจุดกำเนิดในฝรั่งเศส ไหลผ่านด้านตะวันตกของเบลเยี่ยม และไหลมาที่ด้านตะวันตกเฉียงใต้ของเนเธอร์แลนด์ และสุดท้ายก็ไหลลงสู่ทะเลเหนืออีกเช่นเดียวกัน
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า แม่น้ำทั้ง 3 สายไหลไปด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเนเธอร์แลนด์ และไหลลงสู่ทะเลเหนือเหมือนกัน ซึ่งบริเวณที่แม่น้ำทั้ง 3 สายไหลลงทะเลเหนือนั้น เป็นบริเวณดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำครับ (คล้ายๆ กับที่แม่น้ำเจ้าพระยาไหลลงอ่าวไทยเหมือนกันเด๊ะ)
แล้วทีนี้เกิดอะไรขึ้น ??? แน่นอนว่าบริเวณตะวันตกเฉียงใต้ส่วนนั้นเป็นพื้นที่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลอย่างที่บอกไปแล้ว พอน้ำจากทะเลเหนือหนุนเข้ามา ก็ทะลักเข้ามาในดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำ และทะลักเข้ามาท่วมที่ประชาชนอาศัย ในอดีตนี่คือน้ำท่วมแล้วท่วมอีก ท่วมกันจนชิน ที่แย่กว่านั้นคือ ทะเลเหนือมักมีปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Storm Tide หรือคลื่นชายฝั่งยกตัวสูงจากพายุ (ทำได้ไงเนี่ย) ซึ่งทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นสูงกว่าปกติถึง 5 เมตร จากนั้นน้ำทะเลเหล่านั้นก็พัดเข้ามายังแม่น้ำทั้ง 3 สาย จากนั้นก็ซัดเข้ามาในบ้านเรือนประชาชนอีกเหมือนกัน
จนในปี ค.ศ. 1953 ได้เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ คนเสียชีวิตเป็นพันๆ พื้นที่ทางการเกษตรเสียหายจำนวนมาก ดังนั้นรัฐบาลเนเธอร์แลนด์จึงนิ่งนอนใจไม่ได้ หลังเหตุน้ำท่วมสิ้นสุดได้ 20 วัน รัฐบาลได้คิดแผนการณ์หนึ่งขึ้นมาชื่อว่า "Delta Works" เป็นที่มาของสิ่งก่อสร้างด้านวิศวกรรมการจัดการน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก !!
อะไรคือ Delta Works ????
หลักการทำงานของ Delta Works นั้น อยากให้ทุกท่าน ลองนึกภาพตามว่า .... เขื่อนต่างๆ จะเป็นตัวกั้นระหว่างแม่น้ำและทะเลเหนือค่ะ ดังนั้นน้ำทะเลเหนือจึงไม่สามารถผ่านเข้ามาถึงบ้านเรือนประชาชนได้ นอกจากนี้ยังมีข้อดีคือ การที่มีเขื่อนกั้นระหว่างทะเลเหนือซึ่งเป็นน้ำเค็มและแม่น้ำซึ่งเป็นน้ำจืดนั้น ทำให้น้ำในเขื่อน (ก็คือน้ำของแม่น้ำสายต่างๆ) ยังคงเป็นน้ำจืด ไม่มีน้ำเค็มจากทะเลเหนือเข้ามาปน จึงสามารถนำมาใช้ในการเกษตรได้ เริดเนาะๆ :p
ยังไม่หมดเท่านี้นะครับ ในส่วนที่สร้างเป็นประตูระบายน้ำ จะแตกต่างจากเขื่อนครับ เพราะเขื่อนจะกั้นแม่น้ำและทะเลออกจากกัน แต่ประตูระบายน้ำจะไม่กั้นทั้งแม่น้ำและทะเลออกจากกันอย่างถาวร ยังปล่อยให้ไหลไปมาหากันได้บ้าง แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ลมแรงและมีแววว่าจะมีพายุ เค้าก็จะปิดประตูระบายน้ำเพื่อไม่ให้น้ำทะเลไหลเข้ามาในเขื่อนได้ ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะว่า ในเวลาปกติ ชาวประมงก็จะสามารถจับปลาทะเลที่ไหลเข้ามาในเขื่อนเพื่อหาเลี้ยงชีพได้นั่นเอง ไม่จำเป็นต้องออกทะเลเหนือไปไกล
ใครที่สงสัยเรื่องความแข็งแรงของเขื่อน ก็ขอบอกเลยว่า โอกาสที่เขื่อนจะแตกนั้นอยู่ที่ 10,000 ปีครับ !!! จะแข็งแรงไปไหนเนี่ย คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม
ดังนั้นรัฐบาลเนเธอร์แลนด์จึงไม่เคยลังเลใจที่จะเทงบประมาณมาใช้ในการสร้างเขื่อน มีงบเท่าไหร่ทุ่มไม่อั้น เพราะอยู่ได้นานเป็นหมื่นปีขนาดนั้น คุ้มจะตาย อ้อ ที่สำคัญ เขื่อนต่างๆ ในโครงการ Delta Works ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ด้วยนะครับ !! เจ๋งจริงๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น